วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553

คู่ก่กรด-เบส (conjugate acid-base pair)

คู่กรด-เบส (conjugate acid-base pair)

การให้และรับโปรตอนจะเกิดคู่กรด-เบส (conjugate acid-basepair) กล่าวคือ เมื่อกรดให้H+



ไปกลายเป็นเบส เรียกว่า กรด กับคู่เบส (conjugate base )หรือเมื่อเบสรับ H+ จะกลายเป็น


กรด จะเรียกว่าเบส กับคู่กรด (conjugate acid )



เมื่อพิจารณาปฏิกิริยาไปข้างหน้า


เมื่อพิจารณาปฏิกิริยาย้อนกลับ


คู่เบส ของกรด ตามทฤษฎีคือ สารที่เกิดขึ้นจากการที่กรดให้โปรตอนไปแล้ว เช่น


คู่กรด ของเบส ตามทฤษฎีสารที่เกิดขึ้นจากการที่เบสรับโปรตอนไปแล้ว



เบสแก่ จะมีคู่กรดอ่อน และเบสอ่อน จะมีคู่กรดแก่
กรดแก่ จะมีคู่เบสอ่อน และกรดอ่อน จะมีคู่เบสแก่



-เบส พบว่ากรดทุกตัวจะมีคู่เบส และ เบสทุกตัวจะมีคู่กรด เช่น
ตามนิยามคู่กรด

 แอมฟิโปรติก (Amphiprotic)

น้ำสามารถแตกตัวเป็นไอออนได้ด้วยตัวเอง (Autoionization)โดยที่น้ำเป็นทั้งสารที่ให้และ

รับโปรตอน ดังสมการ


สารที่สามารถทั้งให้และรับH+ ก็ได้ เรียกว่า เป็นสารประเภทแอมฟิโปรติก (amphiprotic) เช่น H2O , NH3 , HSO4- , HCO3- ,H2PO4-


แอมโฟเทอริก(Amphotheric)



ตามทฤษฎีของเบรินสเตด-ลาวรีน้ำมีสมบัติเป็นได้ทั้งกรด (น้ำ+NH3) หรือเบส

(น้ำ+CH3COOH) ซึ่งขึ้นกับสารที่เข้าทำปฏิกิริยาสมบัติดังกล่าวนี้เรียกว่า แอมโฟเทอริก


ข้อจำกัดของทฤษฎีเบรินสเตด-ลาวรี



ตามทฤษฎีของเบรินสเตด-ลาวรีสารที่มีสมบัติเป็นกรดต้องมีอะตอมของไฮโดรเจน เพราะต้องให้โปรตอน(H+) ซึ่งอาจเป็นโมเลกุล เช่น HCl . H2O , NH3 และ CH3COOH เป็นต้น หรือเป็นไอออนบวก เช่น NH4+ หรือ ไอออนลบ เช่น HSO4- ,HCO3- เป็นต้น แต่
ปรากฎว่าทฤษฎีของเบรินสเตด-ลาวรีไม่สามารถอธิบาย กรดบางชนิดที่ไม่มีอะตอมของไฮโดรเจน หรือไม่ให้โปรตอน เช่น BF3 กรดบอริก B(OH)3

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น